หน้ากากอนามัย 2 ใน 3 ที่จำหน่ายในไทยไร้คุณภาพ

เพิ่มความปลอดภัยด้วยหน้ากากอนามัยที่ได้มาตรฐาน

ช่วงที่โควิด-19 กำลงเริ่มกลับมาระบาดเนื่องจากตรวจพบเชื้อโอไมครอน ทำให้ความฝันที่อยากจะใช้ชีวิตแบบไร้หน้ากากอนามัยต้องพับเก็บเอาไว้ เพราะหน้ากากอนามัยเป็นตัวช่วยในการป้องกันไวรัสโควิด-19 ที่สามารถทำได้ง่าย ๆ แต่ตอนนี้กลับมีข่าวไม่สู้ดีเกี่ยวกับหน้ากากอนามัยออกมา กล่าวว่าจากการตรวจสอบหน้ากากอนามัยหลากหลายยี่ห้อในท้องตลาดพบว่า 2 ใน 3 ไม่ผ่านมาตรฐานอย.

คุณสมบัติหน้ากากอนามัยที่ได้มาตรฐาน

หน้ากากอนามัยที่ดีจะต้องมีคุณภาพ ตรวจสอบได้ โดยคุณสมบัติหลัก ๆ ของหน้ากากอนามัยมีดังนี้

  • ประสิทธิภาพการกรองอนุภาค (PFE) มากกว่า 95 %
  • ประสิทธิภาพการกรองแบคทีเรีย (BFE)
  • ประสิทธิภาพการป้องกันของเหลวซึมผ่าน

หากหน้ากากอนามัยสามารถทำตามมาตรฐานได้ก็จะได้รับอนุญาตให้วางจำหน่าย ผู้ใช้ก็จะได้ใช้ของที่มีคุณภาพ

41 ยี่ห้อหน้ากากอนามัยที่ไม่ผ่านมาตรฐาน

สภาองค์กรของผู้บริโภคได้ลงพื้นที่ตรวจสอบหน้ากากอนามัยในท้องตลาดแล้วพบว่ามียี่ห้อที่ไม่ได้มาตรฐานมากถึง 41 ยี่ห้อ แบ่งตามกราฟของสภาองค์กรผู้บริโภคได้ดังนี้

กลุ่มที่ 1 หน้ากากอนามัยแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง

หน้ากากอนามัยในกลุ่มนี้เป็นหน้ากากอนามัยที่ใช้เพียงครั้งเดียวเลยทิ้ง ไม่สามารถซักแล้วนำกลับมาใช้ใหม่ได้ และประสิทธิภาพลดลงหากใช้ซ้ำ แบ่งออกเป็น 2 กลุ่มคือ

  • หน้ากากอนามัยทั่วไป

เป็นหน้ากากอนามัยที่ผลิตขึ้นเพื่อใช้ในการป้องกันไวรัสและเชื้อแบคทีเรียที่กระจายอยู่ในอากาส ลดการติดเชื้อทางเดินหายใจ มีทั้งหมด 14 ยี่ห้อที่นำมาตรวจ พบว่า 11 ยี่ห้อไม่ได้มาตรฐาน

  • หน้ากากอนามัยทางการแพทย์

เป็นหน้ากากอนามัยที่ใช้ในโรงพยาบาล สามารถปกป้องการติดเชื้อจากละอองฝอยได้เป็นอย่างดี ใช้ในสถานพยาบาลเป็นหลัก จากการตรวจทั้งหมด 27 ยี่ห้อ มียี่ห้อที่ไม่ผ่านมาตรฐานมากถึง 24 ยี่ห้อ

กลุ่มที่ 2 หน้ากากอนามัยที่กรองอานุภาคฝุ่นได้

 

หน้ากากอนามัยประเภทนี้จะมีความละเอียดในการกรองเชื้อโรคและฝุ่นละอองมากกว่า เพราะต้องใช้ในการกันฝุ่นควันที่มีอานุภาคเล็ก บางยี่ห้ออาจจะฟอกอากาศด้วย จากการตรวจทั้งหมด 19 ยี่ห้อ พบยี่ห้อที่ไม่ผ่านกณฑ์ 13 ยี่ห้อ

การตรวจสอบคุณภาพหน้ากากอนามัยเป็นสิ่งที่ดี เพราะหน้ากากอนามัยเป็นสินค้าที่ต้องใช้ในปัจจุบัน ไม่ควรปล่อยให้มีการหลุดมาตรฐานออกมาในท้องตลาด

การเลือกซื้อหน้ากากอนามัยที่ได้คุณภาพ

หน้ากากอนามัยมีความจำเป็นมากในยุคโควิด ทำให้ช่วงหนึ่งหน้ากากอนามัยกลายเป็นสินค้าที่มีราคาสูงมากจนสคบ. จะต้องออกมากำหนดราคากลางในการซื้อขายหน้ากากอนามัย ตอนนี้ราคาหน้ากากอนามัยกลับมาเป็นปกติเสียส่วนใหญ่ แต่สิ่งที่ต้องกังวลคือคุณภาพ การเลือกซื้อหน้ากากอนามัยให้ได้คุณภาพมีดังนี้

  • เลือกยี่ห้อที่น่าเชื่อถือ

หลังจากสภาผู้บริโภคได้ออกสำรวจท้องตลาดและตรวจสอบหน้ากากอนามัยหลายยี่ห้อ ทำให้ประชาชนรู้ว่าหน้ากากอนามัยยี่ห้อใดที่มีคุณภาพตรงตามที่อย. กำหนด ควรเลือกซื้อหน้ากากอนามัยยี่ห้อนั้น

  • ซื้อในแหล่งซื้อที่เชื่อถือได้

แหล่งซื้อขายมีความสำคัญมาก หน้ากากอนามัยสามารถหาซื้อได้ง่ายขึ้น แต่ก็มีของปลอมระบาดเช่นกัน ไม่ควรเห็นแก่ของถูกเพราะอาจเป็นของปลอม ควรซื้อจากแหล่งซื้อที่มั่นใจได้ว่าของแท้แน่นอน เช่น ร้านขายยา ร้านขายเวชสำอาง ร้านผลิตหน้ากากอนามัยโดยตรง

  • ซื้อเองดีกว่าฝากคนอื่นซื้อ

การซื้อเองจะสามารถเลือกยี่ห้อและดูสินค้าคร่าว ๆ ได้ การฝากคนอื่นซื้อบางครั้งอาจจะได้ของปลอมหรือของที่ไม่มีคุณภาพได้ หากจะฝากคนอื่นซื้อควรเลือกคนที่มีความน่าเชื่อถือ

  • ทดสอบคุณภาพของหน้ากากอนามัย

หากพบความผิดปกติของหน้ากากอนามัยควรทดสอบคุณสมบัติเบื้องต้น เช่น ชั้นกรองมีความหนาพอดี บางยี่ห้ออาจจะไม่มีชั้นกรองหรือฟิลเลอร์มาเลย

การเลือกซื้อหน้ากากอนามัยแบบนี้ไม่อยากให้เป็นการเสี่ยงดวงเหมือนทางเข้า gclub ทุกคนควรมีสิทธิ์ได้รับหน้ากากอนามัยคุณภาพ และไม่ควรมีการผลิตของปลอมหรือของไร้คุณภาพออกมา ก่อนการซื้อควรพิจารณาให้ดี เพื่อให้ได้รับการป้องกันที่ถูกต้องในชีวิตประจำวัน

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *